Category Archives: การบริการบนอินเตอร์เน็ต

โอกะชิมะ เกาะอันลี้ลับจากญี่ปุ่น

เกาะโอกะชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเกาะภูเขาไฟในประเทศญี่ปุ่นโอบล้อมด้วยภูเขาไฟอีกชั้นหนึ่ง มีลักษณะเป็นแอ่งคล้ายๆหลุมอุกกาบาตและมีปากปล่องภูเขาอยู่ตรงกลางแอ่ง โดยจุดสูงสุดของขอบปล่องภูเขาไฟด้านนอกที่ความสูงของ 432 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และยังเป็นจุดที่สูงที่สุดในเกาะโอกะชิมะ โดยเกาะนี้อยู่ในน่านน้ำฟิลิปินส์ อยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติฟุจิ-ฮาโกะเน-อิซุ และอยู่ห่างจากเกาะโตเกียวประมาณ 350 กิโลเมตร ซึ่งเกาะโอกะชิมะเป็นเกาะที่มีภูเขาไฟเคยปะทุมาแล้วในอดีต ทำให้บนเกาะนี้มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ปัจจุบันเกาะนี้มีผู้คนอาศัยอยู่กว่า 200 คน โดยชาวเกาะประกอบอาชีพการเกษตรและการประมงเป็นหลัก ในส่วนของการเดินทางไปเกาะโอกะชิมะนั้น เป็นการเดินทางด้วยเรือซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากที่นี่มีท่าเรือขนาดเล็กคอยรองรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ทำให้การเดินทางไม่ลำบากมากนัก แต่ถ้าใครพอมีกำลังทรัพย์มากหน่อยก็สามารถติดต่อเรือเฟอร์รี่และเฮลิคอปเตอร์ให้ไปส่งยังเกาะแห่งนี้ได้ โดยนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ต้องการหาที่พัก โรงแรม ที่กินและร้านอาหาร ที่เกาะโอกะชิมะ ประเทศญี่ปุ่นยังไม่มีให้บริการ นักท่องเที่ยวจึงต้องหาที่พักและที่กินบนเกาะโตเกียวแทน
สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกาะนี้จัดให้กับนักท่องเที่ยวนั้นมีมากมายหลายกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการอาบแดด ดำน้ำ ปีนเขา ตั้งแคมป์ ชมน้ำพุร้อน รวมทั้งอาบซาวน่าด้วยความร้อนธรรมชาติกลางภูเขาไฟ ซึ่งทุกกิจกรรมได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ทำให้เกาะโอกะชิมะแห่งนี้ไม่เคยเงียบเหงาและมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย และอีกอย่างคือ เกาะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกจำนวนมากคงต้องยกให้ เกาะโอกะชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีความงดงามทางธรรมชาติซึ่งเป็นเกาะรูปร่างต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากอยากไปสัมผัสกับความอัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น
สำหรับเศรษฐกิจหลักๆของเกาะอาโอกะชิมานั้น ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นการเกษตร การประมง รวมไปถึงการตกปลา ส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวนั้นถือว่าเป็นส่วนน้อยเนื่องจากเป็นไปตามฤดูกาลท่องเที่ยวเท่านั้น
ดังนั้น ใครที่ชื่นชอบความงดงามทางธรรมชาติแบบนี้คงถูกอกถูกใจกับเกาะโอกะชิมะ ประเทศญี่ปุ่นไม่น้อย แม้ว่าการเดินทางจะไม่สะดวกสบายมากนัก แต่สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้จะทำให้ประทับใจได้อย่างแน่นอน

เที่ยวชมสัมผัสธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติขุนขาน

เเน่นอนเลยว่าสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ในเชียงใหม่นั้น เรียกว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแบบที่มีความน่าสนใจสำหรับสไตส์การท่องเที่ยวของแต่ละคน โดยมีธรรมชาติที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความสวยงาม ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมก็มีหลายสถานที่ซึ่งเป็นที่นิยมและได้รับการโปรโมททางด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยอย่างสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่ที่น่าสนใจอย่างมากก็คือ อุทยานแห่งชาติขุนขาน ซึ่งมีความสวยงามและเป็นที่ถูกอกถูกใจของทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่กันอย่างมาก เรียกว่าต้องแวะมาที่แห่งนี้กันแทบทุกคน

สำหรับ อุทยานแห่งชาติขุนขาน นั้นตั้งอยู่ในอำเภอเเม่ริม บริเวณลุ่มน้ำแม่ขาน และลุ่มน้ำแม่แจ่ม ถือว่าเป็นอีกเเหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสวยสดงดงามเป็นอย่างมาก เเละเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามของธรรมชาติที่สมบูรณ์ โดยมีพื้นที่เป็นลักษณะของภูเขาสูงสลับกันไปมา เเถมเป็นเเหล่งกำเนิดของลำน้ำหลายสานอีกด้วยทั้ง น้ำแม่สาบ น้ำแม่สะเมิง น้ำอมลอง น้ำแม่แจ่ม น้ำแม่ขาน น้ำแม่โต๋ น้ำแม่อมแตง น้ำแม่บ่อแก้ว น้ำแม่ตาละ และน้ำแม่สะงะ จึงไม่น่าเเปลกใจว่ามันจะเป็นที่นิยมของนักล่องไพรเป็นอย่างมาก

จุดท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจของ อุทยานแห่งชาติขุนขาน นั้นก็มีหลายเเห่งที่น่าสนใจทั้งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นน้ำตกอย่าง น้ำตกแม่นาเปอะ น้ำตกห้วยฮ้อม น้ำตกห้วยตาด น้ำตกห้วยอมแตง เเละน้ำตกอมลอง โดยเเต่ละเเห่งนั้นก็มีจุดเด่นทางด้านของสวยงามเเละความเป็นธรรมชาติที่เเตกต่างกันไป ซึ่งคุณต้องลองไปสัมผัสด้วยตนเองเเล้วจะรู้ว่าเเต่ละที่มีความงดงามอย่างไร ส่วนหน้าผามาต๊ะ นั้นก็ถือว่ามีความสวยงามเเละคุณสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ส่วนถ้ำหลวงแม่สาบ นั้นก็มีความสวยงามเป็นอย่างมาก ในขณะที่บ่อน้ำร้อนท่าโต๋ ก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง โดยมี ดอยซาง เเละดอยขุนแม่เอ๊าะ เป็นเเหล่งชมทัศนียภาพที่เเสนจะงดงาม

เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ภายใน อุทยานแห่งชาติขุนขาน ตึงทำให้มีสัตว์ป่าที่มีความน่าสนใจเเละหายากอาศัยอยู่อย่างมากมายทั้ง หมูป่า เก้ง ไก่ป่า เม่น ลิง กระต่ายป่า หมาไน ตะกวด อีเห็น และ กระรอก โดยมีนกที่หายากอยู่หลายพันธุ์เช่นกัน โดยมี เสือโคร่ง และเลียงผา อยู่ในบริเวณนี้อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติหลายเส้นทางที่จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูเเลคลอดเส้นทาง สำหรับใครที่ต้องการมาพักค้างเเรมที่นี่ ก็สามารถทำได้เพราะมีพื้นที่รองรับการการเต็นท์ได้มากกว่า 300 คนเลยทีเดียว นับว่าเป็นอีกเเหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด

เยลโลว์สโตนกับอุทยานแห่งแรกของโลก

อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกที่มีขึ้นในโลกใบนี้ ซึ่งอุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่กว้างขวางใหญ่โต ลักษณะสำคัญของพื้นที่แถบนี้คือมีเปลือกโลกที่บาง ทำให้ความร้อนใต้พิภพมีบทบาทสำคัญต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนผิวโลกส่วนนี้ ไม่ว่าจะเป็น น้ำพุร้อน บ่อน้ำร้อน น้ำตกหินปูน ทะเลสาบบนภูเขาที่เกิดจากการระเบิดของเปลือกโลก เนื่องจากความร้อนใต้พิภพแผ่ขึ้นมาเปลือกโลกบริเวณนี้ ทำให้เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าทั้งหลายที่ต้องการความอบอุ่นโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวด้วย โดยมีไฮไลต์สำคัญ คือ 1.เขตน้ำพุร้อนและบ่อน้ำร้อน จะอยู่ทางตอนใต้ของอุทยาน ประกอบไปด้วยน้ำพุร้อนและบ่อน้ำร้อนใหญ่น้อยมากมาย 2.หุบเขาแกรนด์แคนย่อนแห่งเยลโลว์สโตน จะมีน้ำตกเยลโลว์สโตนอันสวยงาม และจะมีหินสีเหลืองซึ่งเป็นที่มาของชื่อ Yellowstone และยังมีจุดชมวิวต่างๆ ให้ได้ชื่นชมจนกลายมาเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกในโลก 3.น้ำตกหินปูนขนาดมหึมาที่มีความสวยงามมากที่เรียกว่า แมมมอธ ฮอตสปริง (Mammoth Hot Spring) เป็นน้ำร้อนที่ไหลพาแร่ธาตุจากใต้พื้นโลกค่อย ๆ ไหลลงมาเป็นน้ำตกจนเกิดการสะสมของหินปูนกลายเป็นชั้น ๆ สวยงามอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบเยลโลว์สโตน ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ อุดมไปด้วยปลานานาชนิด อย่างเช่น ปลาเทราท์ ปลาแซลมอน และอื่นๆ ทั้งนี้ในช่วงฤดูหนาวทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งทำให้เปลี่ยนทัศนียภาพรอบๆทะเลสาบมีความงดงามกว่าที่ไหนๆ โดยก่อนหน้าที่จะมีอุทยานแห่งชาติขึ้นนั้นธรรมชาติก็ยังอุดมสมบูรณ์อยู่สัตว์ป่าก็หากินตามธรรมชาติ จนมีการเพิ่มจำนวนของประชากรที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงส่งผลให้การดำรงชีวิตนั้นเปลี่ยนไปจนต้องรุกล้ำธรรมชาติมากเข้าไปทุกที จนในที่สุดจึงได้มีการรณรงค์ให้รัฐบาลปกป้องอาณาบริเวณแห่งนี้ขึ้นเป็นอุทยานแห่งชาติเพื่อเป็นสมบัติของมวลมนุษยชาติ แทนที่จะโดนบุกรุกจับจองแสวงหาผลประโยชน์ ตั้งแต่นั้นมาสัตว์ป่าทั้งหลายจึงมีที่อยู่อาศัยทำให้มีสัตว์ป่าไว้ชมมากมาย

ดังนั้น อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนถือเป็นอุทยานที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีทัศนียภาพอันงดงามมากแห่งหนึ่ง

กุ้ยหลินเมืองไทย สถานที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว

อุทยานแห่งชาติเขาสก หรือ กุ้ยหลินเมืองไทย อยู่ในเขตจังหวัดสุราษฏร์ธานี  ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่บริเวณเทือกเขาสูง ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีไปจนถึงอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา โดยแบ่งเป็น 2 พื้นที่ใหญ่ ๆ คือ เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือ เขื่อนรัชชประภา แต่เดิมอุทยานแห่งชาติเขาสก มีเฉพาะพื้นที่ที่เป็นป่าเขา ภายหลังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้สร้างเขื่อนเชี่ยวหลายขึ้นมาเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า จึงทำให้พื้นที่ป่าบางส่วนกลายเป็นเขื่อนเก็บน้ำ และยังอยู่ในการดูแลพื้นที่โดยอุทยานแห่งชาติเขาสก ทั้งนี้เขื่อนรัชชประภานั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาสก เนื่องจากมีทัศนียภาพที่สวยงามมาก นักท่องเที่ยวที่ไปล้วนประทับใจ แหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติเขาสกมี 2 ประเภท คือ การท่องเที่ยวโดยการเดินป่า ชมน้ำตกต่าง ๆ ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ ดอกบัวผุด ซึ่งเป็นดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและมีกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ตั้งแต่ต้นฤดูจนถึงปลายฤดู และยังมีการท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งคือ การล่องเรือชมวิวเหนือเขื่อน ที่สามารถนอนบนแพสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติบนผืนน้ำได้ ไม่ว่าจะเป็นชื่นชมทัศนียภาพ ภูเขา พายเรือแคนู เล่นน้ำ ตกปลา นั่งเรือไปเที่ยวถ้ำปะการังหรือจะเลือกนั่งซุ่มดูนกเงือกก็ได้

สำหรับอุทยานแห่งชาติเขาสก โดยส่วนใหย่จะมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูน ยอดแหลม แนวหน้าผาสูงชัน กลางสายน้ำของเขื่อนเชียวหลาน  บรรยากาศสวยงาม จนได้รับสมญานามว่า กุ้ยหลินเมืองไทย ภาพภูเขารายล้อมเขื่อน  นอนแพพายเรือคายัคและกิจกรรมต่างๆ  รวมทั้งภาพไอหมอกกระทบกับแสงแดดลอยเหนือน้ำใน ยามเช้าเป็นทัศนียภาพที่สวยงามดึงดูดใจและสร้างความประทับใจ แก่นักท่องเที่ยว ให้เดินทางมาที่นี่อย่างไม่ขาดสาย ช่วงที่เหมาะที่สุดในการไปอุทยานแห่งชาติเขาสกจึงอยู่ระหว่างเดือนธันวาคมถึงเมษายน และจะเริ่มมีฝนตกตั้งแต่เดือนเมษายนถึงธันวาคม และจะตกชุกมากในช่วงเดือนพฤษภาคมเดือนพฤศจิกายน

ดังนั้นหาก ผู้ที่ชื่นชอบในการเดินทางท่องเที่ยว สำหรับกุ้ยหลินเมืองไทย ก็เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่หนึ่งที่สวยงามไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกทั้งยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทุกมุมโลกอีกด้วย นอกจากจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มที่แล้วยังไม่ศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติอีกด้วย ฉะนั้นจึงเป็นสถานที่ที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน มรดกทางธรรมชาติประเมินค่าไม่ได้

similan-islands8
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน คือสรวงสวรรค์ใต้สมุทรที่อุดมไปด้วยชีวิตน้อยใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปะการัง และหมู่ฝูงปลา มีน้ำใสราวแผ่นกระจกและมีหาดทรายที่ขาวสะอาดงดงาม ประกอบด้วยพื้นดินที่เป็นเกาะต่างๆ เขาหินแกรนิตสูงชัน หาดทราย โขดหินลักษณะรูปร่างต่างๆ ชายฝั่งของเกาะต่างๆมีลักษณะเว้าแหว่งไม่เป็นระเบียบ เนื่องจากตั้งอยู่ในส่วนทะเลนอก ได้รับอิทธิพลจากการกัดเซาะของคลื่นทะเลโดยตรง เรียงตัวตามแนวทิศเหนือใต้ พื้นน้ำเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดียตะวันออก บริเวณไหล่ทวีปติดชายฝั่งตะวันตกของจังหวัดพังงาและประเทศพม่า คู่ขนานกับแนวเกาะนิโคบาร์ ที่เป็นไหล่ทวีปของประเทศอินเดีย ตามชายหาดหรือสันทรายจะไม่มีดินเลนให้เห็นจึงเป็นชายหาดที่ขาวสะอาด สวยงาม อนุภาค ทรายมีขนาดเล็กละเอียด

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนเยี่ยมชมหาความสำราญสนุกสนานเฮฮาเท่านั้น แต่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันยังเป็นสถานที่ซึ่งมีคุณค่าอันประเมินไม่ได้เป็นมรดกทางธรรมชาติและยังเป็นแหล่งความรู้สำหรับทุกคน เป็นที่รวมของธรรมทั้งพันธุ์พืชและเหล่าสัตว์ที่ยังหลงเหลือจากการถูกล่าอาจกล่าวได้ว่าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันเป็นห้องเรียนธรรมชาติที่สมบูรณ์บริสุทธิ์ เป็นที่รวมของป่าหลายประเภทเป็นที่บรรจบกันของป่าดิบกับแนวปะการัง ด้วยอาณาเขตที่ครอบคลุมทั้งทะเลและผืนป่าอันสุดสมบูรณ์ จึงมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมากตั้งแต่ปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก เช่น ฉลามวาฬ จนถึงนกหายากอย่างเช่น นกชาปีไหน นกลุมพูขาว รวมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 27 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 22 ชนิด และสัตว์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก 4 ชนิด สัตว์เหล่านี้อยู่อาศัย หากิน และดำรงเผ่าพันธุ์มาช้านานในพื้นที่แห่งนี้โดยไม่มีมนุษย์ปะปน

การเดินทางไปหมู่เกาะสิมิลัน

• นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะไปลงเรือที่ท่าเรือทับละมุ จ.พังงา จากทางหลวงหมายเลข 4
• หากเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่งสายใต้ สามารถไปได้ทุกคันที่วิ่งสายระนอง-พังงา ลงที่ทางแยกไปท่าเรือทับละมุแล้วต่อรถรับจ้างมาที่ท่าเรือ
• ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนพฤษภาคมเป็นฤดูท่องเที่ยว มีเรือโดยสารจากท่าเรือทับละมุไปเกาะสิมิลันทุกวัน
• หมู่เกาะสิมิลันอยู่ห่างจากฝั่งที่ท่าเรือทับละมุซึ่งเป็นจุดที่ใกล้ที่สุดประมาณ 70 กิโลเมตร แต่ก็มีเรือท่าเรือโดยสารธรรมดาและเรือเร็วบริการพานักท่องเที่ยวมาจากภูเก็ตด้วย
• หมู่เกาะสิมิลันอยู่ห่างไกลจากฝั่ง มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จำกัด การเดินทางไปเกาะสิมิลันจึงต้องติดต่อล่วงหน้าเท่านั้น

แนะนำอุทยานที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

การท่องเที่ยวในอุทยาน เป็นสถานที่ทางธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวมักจะวางแผนในการเดินทางอยู่เสมอ เพราะความสมบูรณ์ของธรรมชาติ เช่น น้ำตก ภูเขา ป่าไม้ ดอกไม้ รวมไปถึงมีประวัติศาสตร์มายาวนาน ดังนั้นจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอุทยานที่น่าสนใจ มีดังนี้

1.อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ได้รับการยกให้เป็นแหล่งมรดกโลก มีพื้นที่กว้างขวางเป็นเขตเมืองสุโขทัยในอดีต มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ควรไปชมอยู่มากมายแหลายแห่งทั้งภายในเขตกำแพงเมืองและนอกกำแพงเมือง

2.อุทยานแห่งชาติมาซาดา ประเทศอิสราเอล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผสมระหว่างประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ตั้งอยู่บนที่ราบทางตะวันออกของทะเลทราย Judean และทะเล Dead Sea มีพระราชวังโบราณอยู่ด้านใน

3.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา อุทยานแห่งชาติอันดับแรกของเมืองไทย ป่าใหญ่แห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ถึง 4 จังหวัด ในภาคอีสานและภาคกลาง

4.อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี  มีพื้นที่ 461,712 ไร่ มีป่าไม้และสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์ พันธุ์ไม้หายากที่พบในเขตอุทยานฯ  ช่วงเวลาที่เหมาะจะเดินทางมาท่องเที่ยวคือ เดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน มีกิจกรรม การล่องแก่ง เดินป่า นั่งช้าง ดูนก เป็นต้น

5.อุทยานแห่งชาติหุบเขาจิ่วจ้ายโกว ประเทศจีน ทำให้คุณหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของทะเลสาบสีเขียวคราม และน้ำตกที่สวยราวภาพวาด หุบเขาจิ่วจ้ายโกว นี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเทือกเขาหมินซานทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน นอกจากทะเลสาบและน้ำตกที่สวยงามตระการตาแล้ว ที่นี่ยังเป็นบ้านของกล้วยไม้นานาพันธุ์อีกด้วย

6.อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย  เป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย แต่เดิมนั้นเรียกกันว่า “เมืองเชลียง” อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้จัดเป็นแหล่งโบราณคดีชั้นเลิศ มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุมากกว่า 200 ชิ้น

7.อุทยานแห่งชาติซันดาร์บานส์ ประเทศอินเดีย  ตั้งอยู่บนพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำคงคา แม่น้ำพรหมบุตร  และแม่น้ำเมฆนา มีเนื้อที่มากถึง 4,000 ตารางไมล์ นอกจากนี้ยังเป็นบ้านของสัตว์ป่านานาชนิด

8.อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน ประเทศเกาหลีใต้ บนยอดเขาฮัลลาซานนั้นเคยเป็นบริเวณปากปล่องของภูเขาไฟ ซึ่งดับสนิทแล้วในปัจจุบัน ทำให้เกิดทะเลสาบเล็กๆ ขึ้น ซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงามจนนักท่องเที่ยวอดใจไม่ได้ต้องปีนขึ้นไปเห็นด้วยตาสักครั้ง เป็นระบบนิเวศที่หลากหลาย ทำให้พืชพันธุ์ในบริเวณนี้มีความสวยงาม

ยังมีอุทยานอีกมากมายในหลายๆประเทศ จากที่กล่าวมาเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยนิดเท่านั้น หากใครยังไม่มีโปรแกรมท่องเที่ยว การท่องเที่ยวในอุทยานก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

หนีร้อนไปสัมผัสธรรมชาติสวยๆที่ “อุทยานแห่งชาติเขาหลวง”

หน้าร้อนมาถึงแล้วนะคะ อากาศร้อนๆแบบนี้จะหนีเมืองไปดับร้อนที่ไหนดีนะ แต่ถ้ายังนึกไม่ออกขอแนะนำให้คุณไปคลายร้อนกับ ธรรมชาติสวยๆที่ “อุทยานแห่งชาติเขาหลวง” จังหวัดนครศรีธรรมราช กันดีกว่าค่ะ เนื่องจากว่าในทุกๆช่วงฤดูร้อนอุทยานแห่งชาติเขาหลวงจะมีนักท่องเที่ยว มาเยือนมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะน้ำตกสวยๆในเขตอุทยานที่มีจำนวนมากมายหลายแห่ง เช่น น้ำตกกรุงชิง น้ำตกคลองผด น้ำตกกะโรม ฯลฯ

โดยเฉพาะน้ำตกกรุงชิง ซึ่งเคยเป็นฐานปฏิบัติการ ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เป็นน้ำตก ที่มีความสวยงามมาก มี 6 ชั้น ชั้นที่สวยงามที่สุด คือ ชั้นหนานฝนแสนห่า ในบริเวณน้ำตกกรุงชิงยังเป็นแหล่ง ดูนก เช่น นกคอสามสี นกปากกบพันธุ์ชวา นกเงือกหัวหงอก ฯลฯ เส้นทางดูนกคือบริเวณที่ทำการ หน่วยพิทักษ์ป่า และตามทางเดินเท้าเข้าสู่น้ำตกกรุงชิง ระยะทางประมาณ 3.7 กิโลเมตร

นอกจากนี้แล้วภายในอุทยานแห่งชาติเขาหลวงยังมียอดเขาที่สูงที่สุดในภาคใต้ นั่นคือ ยอดเขาหลวง อาณาจักรเฟิร์นโบราณ ซึ่งดำรงสายพันธุ์มากว่า 400 ล้านปี ได้แก่ เฟิร์นบัวแฉก ซึ่งมีหลักฐานว่ามีมาตั้งแต่มหายุคมีโซโซอิก เฟิร์นมหาสำ ซึ่งเป็นเฟิร์นต้นที่มีขนาดสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเฟิร์นทุกชนิดในโลกอีก ด้วยค่ะ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปอุทยานแห่งชาติเขาหลวง สามารถเดินทางจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช ทางหลวง หมายเลข 4016 เมื่อถึงสามแยกบ้านตาล เลี้ยวซ้ายไปใช้ทางหลวงหมายเลข 4015 มุ่งหน้า อ.ลานสกา ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เขาหลวงอยู่ที่เดียวกับน้ำตกกะโรม เลย อ.ลานสกาไปไม่ไกล

อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณีเป็นสถานที่ที่สวยงามอีกแบบหนึ่ง

21

อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี มีพื้นที่ 121 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยภูเขาหินปูน ป่าดิบ ป่าชายเลน และเกาะต่าง ๆ อุทยานฯ มีพันธุ์ไม้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นป่าดงดิบ ป่าพรุ ป่าชายหาด ป่าชายเลน รวมถึงสังคมพืชน้ำใต้ท้องทะเล ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางที่เดินภายในอุทยานฯ ระยะทาง 1 กิโลเมตร และ เส้นทางเดินจากอุทยานฯ ไปป่าชายเลน ระยะทาง 3-4 กิโลเมตร ผู้สนใจเข้าชมอุทยานฯ จะเสียค่าเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่ ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท เด็ก ชาวไทย 5 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท อุทยานฯ ไม่มีบ้านพักให้บริการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 7568 1071 สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ ได้แก่ ธารโบกขรณี อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ เดิมชื่อ ธารอโศก เพราะมีต้นอโศกขึ้นอยู่ริมธาร สภาพทั่วไปเป็นธารน้ำธรรมชาติไหลลงมายังแอ่งน้ำน้อยใหญ่ซึ่งอยู่ต่างระดับกัน รายรอบด้วยป่าไม้ร่มรื่น ด้านเหนือของธารโบกขรณี มีมณฑปพระพุทธบาทจำลองที่แกะสลักจากไม้ ประดิษฐานอยู่ใกล้กับศาลาบูชาเจ้าพ่อโต๊ะยวน-โต๊ะช่อง ถ้ำลอดและ ถ้ำผีหัวโต อยู่ห่างจากอุทยานฯ ประมาณ 6 กิโลเมตร เดินทางไปทางอำเภออ่าวลึกตามถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ประมาณ 2 กิโลเมตร แยกขวาไปยังท่าเรือบ่อท่อ แล้วลงเรือหางยาวรับจ้างไปตามลำคลองท่าปรัง ผ่านป่าชายเลนไปประมาณ 15 นาที ถ้ำลอด เป็นอุโมงค์ใต้เขาหินปูน บนเพดานถ้ำมีหินงอกและหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ กัน ส่วน ถ้ำผีหัวโตหรือถ้ำหัวกะโหลก อยู่ห่างจากถ้ำลอดประมาณ 500 เมตร แต่เดิมภายในถ้ำเคยมีหัวกะโหลกมนุษย์ มีขนาดโตกว่าปกติจึงมีชื่อว่า ถ้ำผีหัวโต และบนผนังถ้ำยังปรากฎภาพเขียนสีก่อนสมัยประวัติศาสตร์จำนวนมาก อาทิ รูปคน รูปสัตว์

บนพื้นถ้ำมีเปลือกหอยทับถมกันอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังสามารถพายเรือแคนูชมทิวทัศน์ป่าชายเลนที่สงบร่มรื่นได้ ค่าเช่าเรือแคนู 1,200 บาท/คน รวมอาหารกลางวัน โดยสามารถเช่าเรือได้จากบริเวณท่าเรือบ่อท่อ ถ้ำชาวเล อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของแหลมสัก ในเวิ้งอ่าวที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงามของเกาะแก่งและภูผา ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยและภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นรูปคน รูปสัตว์ และรูปทรงเรขาคณิตต่าง ๆ หลายภาพด้วยกัน สันนิษฐานว่าจะมีอายุอยู่ในช่วงหลังภาพเขียนที่ถ้ำผีหัวโต บริเวณถ้ำชาวเลสามารถพายเรือแคนูได้ สำหรับการไปเที่ยวชมสามารถโดยสารเรือประจำทางหรือเรือเช่าจากท่าเรือบ้านแหลมสัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที เกาะกาโรส อยู่ทางด้านตะวันออกของปลายแหลมสัก เป็นบริเวณที่สามารถพายเรือแคนูได้ เกาะแดง มีหาดทรายสวยงามยาว 25 เมตร มีถ้ำลอดกว้าง 70 เมตร สูง 20 เมตร เป็นบริเวณที่ดำน้ำดูปะการังได้ หมู่เกาะห้อง เป็นหมู่เกาะที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะ อาทิ เกาะเหลาหรือเกาะซากา เกาะเหลาเหรียม เกาะปากกะ เกาะเหลาลาดิง เป็นต้น โดยมีเกาะห้องหรือเกาะเหลาปิเละ เป็นเกาะทางตอนใต้ที่ใหญ่ที่สุด ลักษณะโดยทั่วไปเป็นเขาหินปูน น้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา บนเกาะห้อง มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 400 เมตร รอบ ๆ เกาะห้องสามารถพายเรือแคนูได้ บนเกาะมีที่สำหรับกางเต็นท์ ค่าธรรมเนียมกางเต็นท์พักแรมบนเกาะคนละ 20 บาท โดยต้องนำเต็นท์มาเอง นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นเกาะห้องจะต้องเสียค่าเข้าชมอุทยานฯ ผู้ใหญ่ คนไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท เด็ก คนไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท การไปเที่ยวชมสามารถเช่าเรือหางยาวจากอ่าวนาง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง การเดินทาง อุทยานฯ อยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ 46 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ธารโบกขรณี ตำบลอ่าวลึกใต้ ห่างจากสี่แยกตลาดอ่าวลึก มาตามถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ประมาณ 1 กิโลเมตร หรือจากอำเภอเมือง สามารถนั่งรถสองแถวกระบี่-อ่าวลึกเหนือ-ใต้ ลงที่หน้าอุทยานฯ ได้

บริเวณป่าต้นน้ำลำธารของอุทยานขาดการดูแลรักษาซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ

บริเวณป่าต้นน้ำลำธาร ขาดการดูแลรักษา ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และมีการลักลอบตัดไม้ไปใช้สอย หากปล่อยทิ้งไว้บริเวณป่าต้นน้ำลำธารก็จะถูกทำลายลงไป ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าว อยู่ในเขตของศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ จึงน่าจะได้มีการพิจารณาอีกครั้งเกี่ยวกับอาณาเขตของศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาว เขา กรมป่าไม้ถึงมีหนังสือที่ กส.0808/1114 ลงวันที่ 14 เมษายน 2521 แจ้งให้ป่าไม้เขตนครสวรรค์ตรวจสอบได้รับรายงานตามหนังสือที่ กส. 0809 / 1596 ลงวันที่ 27 เมษายน 2521 ว่าได้ทำการสำรวจสภาพพื้นที่บริเวณน้ำตกคลองลานไว้แล้ว เพื่อจะขออนุมัติกรมป่าไม้จัดตั้งเป็นวนอุทยาน เพราะเห็นว่ามีทิวทัศน์สวยงาม เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ซึ่งน้ำตกคลองลานอยู่ในพื้นที่ที่สงวนไว้เป็นพื้นที่ป่าไม้ร้อยละ 40 ของพื้นที่ศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขา ป่าไม้เขตนครสวรรค์จึงได้ประสานงานกับจังหวัดกำแพงเพชร ดำเนินการขอกรมประชาสงเคราะห์ใช้พื้นที่บริเวณน้ำตกคลองลานจำนวน 5,000 ไร่ ที่อยู่ในพื้นที่สงวนไว้เป็นพื้นที่ป่าไม้ร้อยละ 40 เพื่อจัดเป็นวนอุทยาน ซึ่งกรมประชาสงเคราะห์ไม่ขัดข้อง จังหวัดกำแพงเพชร จึงมีหนังสือ มท.0714/13/13438 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2521 แจ้งให้กรมป่าไม้ดำเนินการจัดตั้งวนอุทยานเพื่อสงวนป่าต้นน้ำลำธารแห่งนี้

กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ได้มีคำสั่งที่ 192/2523 ลงวันที่ 28 มกราคม 2523 ให้นายปรีชา จันทร์ศิริตานนท์ นักวิชาการป่าไม้ 4 ไปสำรวจและจัดพื้นที่บริเวณป่าคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร เป็นอุทยานแห่งชาติ ปรากฏว่าพื้นที่ดังกล่าวมีสภาพป่า ทั้งไม้สักและไม้กระยาเลยสมบูรณ์มาก เป็นภูเขาสูง มีธรรมชาติสวนงาม เป็นป่าต้นน้ำลำธาร เหมาะสมที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ มีมติในที่ประชุมครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2552 เห็นควรให้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ป่าคลองลานเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีพระราชกฤษีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าคลองลาน ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลคลองลาน และอำเภอคลองลานพัฒนา กิ่งอำเภอคลองลาน อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ให้เป็นอุทยานแห่งชาติพ.ศ. 2525 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 44 ของประเทศ

การเตรียมตัวไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติ

อุทยานแห่งชาติในประเทศไทยบางแห่งเท่านั้นที่มีบ้านพักบริการ ส่วนใหญ่จะมีที่กางเต็นท์พร้อมห้องสุขาและห้องอาบน้ำ บางแห่งมีร้านค้าร้านอาหาร บางแห่งยังอยู่ในระหว่างการจัดตั้งหรือปรับปรุง จึงอาจไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เลย ดังนั้นก่อนการเดินทางไป ท่องเที่ยวควรศึกษาข้อมูลของแต่ละอุทยานแห่งชาติให้ดี สำรองที่พักไม่ว่าจะเป็นบ้านพัก ค่ายพัก หรือพักแรมโดยเต็นท์ รวมทั้งกำหนดจุดหมายของการเดินทางไปท่องเที่ยวให้ชัดเจน เพื่อเตรียมสภาพร่างกายและอุปกรณ์การเดินทางให้ถูกต้อง การท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติมีข้อที่พึงทราบ ดังนี้

อาหารการกิน

อุทยานแห่งชาติส่วนใหญ่มีร้านอาหารให้บริการ ผู้ที่ไม่นิยมการปรุงอาหารรับประทางเอง ก็สามารถฝากท้องไว้กับร้านอาหารในอุทยานแห่งชาติได้ ส่วนบางอุทยานแห่งชาติที่ไม่มีร้านอาหาร นักท่องเที่ยวต้องเตรียมตัวสำหรับการทำอาหารเอง ซึ่งมิใช่เรื่องยาก อุปกรณ์ที่ต้องนำไป เช่น หม้อ กะทะ มีด เขียง จาน ช้อนส้อม ฯลฯ ที่สำคัญคือเตาแก๊สปิกนิก หรือเตาอั้งโล่พร้อมถ่าน เพราะในเขตอุทยานแห่งชาติไม่อนุญาตให้ก่อไฟโดยใช้ฟืน ส่วนวัตถุดิบพวกอาหารสดอาหารแห้งสามารถหาซื้อก่อนที่จะเดินทางเข้าอุทยานแห่งชาติได้ อย่างไรก็ตามควรติดต่อสอบถามกับอุทยานแห่งชาติว่ามีร้านอาหารบริการหรือไม่ และเปิดปิดเวลาเท่าไร บางแห่งแม้จะไม่มีร้านอาหาร แต่สามารถติดต่อให้แม่บ้านของอุทยานแห่งชาติช่วยจัดทำอาหารให้ได้ตามราคาที่ตกลงกัน

ฤดูกาลท่องเที่ยว

อุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งมีฤดูกาลท่องเที่ยวแตกต่างกัน บางแห่งไปเที่ยวช่วงฤดูหนาวจะสวยที่สุด บางแห่งไปเที่ยวช่วงฤดูร้อนสวยที่สุด ผู้สนใจจึงควรหาข้อมูลก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่เป็นหมู่เกาะกลางทะเลจะมีฤดูกาลท่องเที่ยวจำกัด เนื่องจากติดหน้าลมมรสุมในฤดูต่าง ๆ อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอ่าวไทยกับฝั่งอันดามัน มีฤดูการท่องเที่ยวแตกต่างกัน หากไปผิดฤดู ก็ไม่สามารถหาเรือหรือเดินทางไปถึงอุทยานแห่งชาติได้ สำหรับอุทยานแห่งชาติทางบก บางแห่งปิดไม่ให้ท่องเที่ยวในบางช่วงฤดูกาล เช่นที่ยอดดอยภูกระดึงของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง แต่ส่วนใหญ่จะเปิดตลอดทั้งปี มีเพียงเรื่องการเดินทางเท่านั้น ที่อาจเป็นอุปสรรค โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน เส้นทางเข้าอุทยานแห่งชาติบางแห่งอาจยากลำบากและทุรกันดาร ต้องอาศัยรถที่มีกำลังขับเคลื่อนสูง นอกจากนี้ในช่วงฤดูฝน ถ้ำและน้ำตกบางแห่งอาจไม่ปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยว เพราะมีน้ำไหลท่วมภายในถ้ำหรือน้ำป่าไหลหลากรุนแรงจนไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำในบริเวณน้ำตก

การแต่งกาย

สำหรับการไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติที่เป็นป่าเขา ควรใช้เสื้อผ้าสีเรียบ ๆ ที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เช่น สีเทา สีน้ำเงิน สีเขียว สีน้ำตาล เป็นต้น เพราะหากเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติและจะช่วยให้มีโอกาสพบเห็นสัตว์ป่ามากขึ้น การสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวจะช่วงป้องกันยุงและแมลงกัดต่อย รองเท้าควรเป็นร้องเท้าหุ้มส้น อุทยานแห่งชาติบางแห่งมีทากชุกชุม การสวมถุงเท้ากันทากจะช่วยให้ทากไม่สามารถกัดบริเวณเท้าของเราได้ (แต่มันอาจไต่ไปกัดส่วนอื่น) นอกจากนี้ก็ควรมีหมวกไว้สวมกันแดด หนาม หรือแมลง สำหรับการไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติทางทะเลแต่งกายด้วยชุดลำลองโปร่งสบาย อย่าลืมหมวกกันแดด ครีมกันแดด และแว่นกันแดด

การเตรียมตัวและการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ


อุทยานแห่งชาติในประเทศไทยบางแห่งเท่านั้นที่มีบ้านพักบริการ ส่วนใหญ่จะมีที่กางเต็นท์พร้อมห้องสุขาและห้องอาบน้ำ บางแห่งมีร้านค้าร้านอาหาร บางแห่งยังอยู่ในระหว่างการจัดตั้งหรือปรับปรุง จึงอาจไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เลย ดังนั้นก่อนการเดินทางไป ท่องเที่ยวควรศึกษาข้อมูลของแต่ละอุทยานแห่งชาติให้ดี สำรองที่พักไม่ว่าจะเป็นบ้านพัก ค่ายพัก หรือพักแรมโดยเต็นท์ รวมทั้งกำหนดจุดหมายของการเดินทางไปท่องเที่ยวให้ชัดเจน เพื่อเตรียมสภาพร่างกายและอุปกรณ์การเดินทางให้ถูกต้อง การท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติมีข้อที่พึงทราบ ดังนี้

อุทยานแห่งชาติส่วนใหญ่มีร้านอาหารให้บริการ ผู้ที่ไม่นิยมการปรุงอาหารรับประทางเอง ก็สามารถฝากท้องไว้กับร้านอาหารในอุทยานแห่งชาติได้ ส่วนบางอุทยานแห่งชาติที่ไม่มีร้านอาหาร นักท่องเที่ยวต้องเตรียมตัวสำหรับการทำอาหารเอง ซึ่งมิใช่เรื่องยาก อุปกรณ์ที่ต้องนำไป เช่น หม้อ กะทะ มีด เขียง จาน ช้อนส้อม ฯลฯ ที่สำคัญคือเตาแก๊สปิกนิก หรือเตาอั้งโล่พร้อมถ่าน เพราะในเขตอุทยานแห่งชาติไม่อนุญาตให้ก่อไฟโดยใช้ฟืน ส่วนวัตถุดิบพวกอาหารสดอาหารแห้งสามารถหาซื้อก่อนที่จะเดินทางเข้าอุทยานแห่งชาติได้ อย่างไรก็ตามควรติดต่อสอบถามกับอุทยานแห่งชาติว่ามีร้านอาหารบริการหรือไม่ และเปิดปิดเวลาเท่าไร บางแห่งแม้จะไม่มีร้านอาหาร แต่สามารถติดต่อให้แม่บ้านของอุทยานแห่งชาติช่วยจัดทำอาหารให้ได้ตามราคาที่ตกลงกัน

อุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งมีฤดูกาลท่องเที่ยวแตกต่างกัน บางแห่งไปเที่ยวช่วงฤดูหนาวจะสวยที่สุด บางแห่งไปเที่ยวช่วงฤดูร้อนสวยที่สุด ผู้สนใจจึงควรหาข้อมูลก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่เป็นหมู่เกาะกลางทะเลจะมีฤดูกาลท่องเที่ยวจำกัด เนื่องจากติดหน้าลมมรสุมในฤดูต่าง ๆ อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอ่าวไทยกับฝั่งอันดามัน มีฤดูการท่องเที่ยวแตกต่างกัน หากไปผิดฤดู ก็ไม่สามารถหาเรือหรือเดินทางไปถึงอุทยานแห่งชาติได้ สำหรับอุทยานแห่งชาติทางบก บางแห่งปิดไม่ให้ท่องเที่ยวในบางช่วงฤดูกาล เช่นที่ยอดดอยภูกระดึงของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง แต่ส่วนใหญ่จะเปิดตลอดทั้งปี มีเพียงเรื่องการเดินทางเท่านั้น ที่อาจเป็นอุปสรรค โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน เส้นทางเข้าอุทยานแห่งชาติบางแห่งอาจยากลำบากและทุรกันดาร ต้องอาศัยรถที่มีกำลังขับเคลื่อนสูง นอกจากนี้ในช่วงฤดูฝน ถ้ำและน้ำตกบางแห่งอาจไม่ปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยว เพราะมีน้ำไหลท่วมภายในถ้ำหรือน้ำป่าไหลหลากรุนแรงจนไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำในบริเวณน้ำตก

สำหรับการไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติที่เป็นป่าเขา ควรใช้เสื้อผ้าสีเรียบ ๆ ที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เช่น สีเทา สีน้ำเงิน สีเขียว สีน้ำตาล เป็นต้น เพราะหากเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติและจะช่วยให้มีโอกาสพบเห็นสัตว์ป่ามากขึ้น การสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวจะช่วงป้องกันยุงและแมลงกัดต่อย รองเท้าควรเป็นร้องเท้าหุ้มส้น อุทยานแห่งชาติบางแห่งมีทากชุกชุม การสวมถุงเท้ากันทากจะช่วยให้ทากไม่สามารถกัดบริเวณเท้าของเราได้ (แต่มันอาจไต่ไปกัดส่วนอื่น) นอกจากนี้ก็ควรมีหมวกไว้สวมกันแดด หนาม หรือแมลง สำหรับการไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติทางทะเลแต่งกายด้วยชุดลำลองโปร่งสบาย อย่าลืมหมวกกันแดด ครีมกันแดด และแว่นกันแดด

 

สุดยอดอุทยานแห่งชาติ น่าเที่ยวในเมืองไทยช่วงปีใหม่ปี 2014

อุทยานแห่งชาติ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวหลายคนมักจะวางแผนเดินทางไปเที่ยวเสมอ เพราะความสวยงามของธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่ อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เที่ยวชม ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก, ทุ่งดอกไม้ป่า, ป่าไม้, สถานที่ทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งสถานที่สุดอันซีนที่แปลกตาซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์อีกมากมาย ช่วงปลายปีนี้หลายคนกำลังวางแผนเดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา ทะเล หรือต่างประเทศ สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่  เว็บไซต์ท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดเผยอันดับรายชื่ออุทยานแห่งชาติในประเทศไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ให้ได้ลิสต์ไปเที่ยวกัน

1. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มีพื้นที่ประมาณ 250,000 ไร่ ครอบคลุมอำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว อุทยานฯ แห่งนี้เป็นอุทยานแห่งชาติประเภทชายฝั่งทะเลแห่งที่สองของประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเล มีเขาหินปูนลักษณะต่าง ๆ ที่มีความงามแตกต่างกันไปตามลักษณะของหินปูนแตกต่างกันไป ไฮไลท์โดดเด่น คือ เขาตะปู หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เกาะเจมส์บอนด์ ที่มีลักษณะเหมือนตะปูอยู่กลางน้ำ
2. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นดอยภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย มียอดดอยอินทนนท์ เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูง 2,599 เมตร มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี รวมทั้งพืชพันธุ์ไม้หายากหลายชนิด เช่น กุหลาบพันปี ซึ่งจะออกดอกใน ช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ ของทุกปี และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ น้ำตกแม่ยะ โครงการหลวงดอยอินทนนท์ น้ำตกวชิรธาร น้ำตกแม่กลาง น้ำตกสิริภูมิ ถ้ำบริจินดา น้ำตกแม่ปาน น้ำตกทรายเหลือง พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เป็นต้น
3. อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ้านตาขุน อำเภอพนม และอำเภอคีรีรัฐนิยม มีพื้นที่ 461,712 ไร่ มีป่าไม้และสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์ พันธุ์ไม้หายากที่พบในเขตอุทยานฯ ได้แก่ ปาล์มหลังขาว และ บัวผุด เป็นดอกไม้ขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางดอกประมาณ 10-25 นิ้ว ขึ้นอยู่บนพื้นดิน จะบานในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม ส่วนสัตว์หายากที่น่าสนใจ ได้แก่ กบทูด และ ปลามังกร ช่วงเวลาที่เหมาะจะเดินทางมาท่องเที่ยวคือ เดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน นอกจากนั้นอุทยานฯ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ คือ การล่องแก่ง เดินป่า นั่งช้าง ดูนก และเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ
4. อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จังหวัดกาญจนบุรี มีพื้นที่ครอบคลุม อำเภอเมือง อำเภอศรีสวัสดิ์ และอำเภอไทรโยค มีที่เที่ยวโดเด่น คือ น้ำตกเอราวัณ หรือถ้าเรียกให้ถูกก็คือน้ำตกในอุทยานแห่งชาติเอราวัณนั่นเอง น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดกาญจนบุรี และเป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากๆ อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดดเด่นด้วยความสวยงามจากลักษณะของน้ำตกหินปูน น้ำที่ไหลผ่านจึงดูใสสะอาดน่าผลัดผ้าลงเล่น
5. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี อุทยานแห่งชาติทางทะเลหมู่เกาะอ่างทอง ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ถึง 42 เกาะ เป็นหมู่เกาะซึ่งใหญ่ที่สุดแห่งท้องทะเลอ่าวไทย จุดเด่นคือ ทะเลใน มองดูคล้ายสระมรกต มีความยาว 250 เมตร กว้าง 200 เมตร และอุโมงค์ใต้น้ำที่เชื่อมกับทะเลเปิด ทำให้มีน้ำขึ้นน้ำลงเช่นทะเลทั่วไป
6. อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บริเวณอุทยานฯมีสถานที่ท่องเที่ยว เช่น จุดชมวิวเขาแดง อยู่บนยอดเขาแดง เวลาที่เหมาะแก่การขึ้นชมวิว คือ เวลาประมาณ 05.30 07.00 น. คลองเขาแดง เหมาะต่อการล่องเรือชมทิวทัศน์และสัตว์นานาชนิดในระบบนิเวศน์ป่าชายเลน นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือได้จากหมู่บ้านเขาแดง และที่หมู่บ้านบางปู โดยลงเรือที่ท่าน้ำหน้าวัดเขาแดง ล่องไปตามลำคลองประมาณ 3-4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

 

ความสำคัญของอุทยานในปัจจุบันและการรักษาสมบัติทางธรรมชาติ

ประเทศไทยเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อีกทั้งเป็นบริเวณที่มีการกระจายพันธุ์พืชและสัตว์ ก่อให้เกิดความหลากหลายของพืชพันธุ์และสัตว์ป่า กอปรกับในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยล้วนมีความสวยงามของแหล่งต้นน้ำลำธาร ดอยสูง ป่าไม้ชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะอันสวยงามแตกต่างกันไปสมควรที่จะได้รับการสงวนและอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานแหล่งธรรมชาติสำคัญที่กระจายกันอยู่ในภาคต่างๆ นั้น ได้รับการปกป้องคุ้มครองไว้ในรูปแบบของ “อุทยานแห่งชาติ”

อุทยานแห่งชาติ (National Park) หมายถึง ที่ดินซึ่งรวมความถึงพื้นที่ดินทั่วไป ภูเขา ห้วย หนอง คลองบึง บาง ลำน้ำทะเลสาบ เกาะ และที่ชายทะเลที่ได้รับการกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ในทางปฏิบัติอุทยานแห่งชาติ คือ พื้นที่ที่สงวนไว้เพื่อคุ้มครองรักษาทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าไม้และสัตว์ป่า ตลอดจนทิวทัศน์ธรรมชาติ ที่สวยงาม สงวนไว้เพื่อให้คงสภาพธรรมชาติดั้งเดิม เพื่อรักษาสมบัติทางธรรมชาติให้อนุชนรุ่นหลังๆ ได้ชมและ ศึกษาค้นคว้า มีลักษณะที่สำคัญ คือเป็นสถานที่ที่สภาพธรรมชาติเป็นที่โดดเด่นน่าสนใจและงดงามมิได้อยู่ในกรรมสิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมายของบุคคลใดโดยทั่วไปต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 10 ตารางกิโลเมตร

ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ริเริ่มต้นแบบการจัดอุทยานแห่งชาติขึ้น โดยประกาศให้เขตเยลโลสโตนเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลก ปัจจุบันเชื่อว่าทั่วโลกมีอุทยานแห่งชาติแล้วมากกว่า 1,392 แห่งหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลง   อัตราการเพิ่มของประชากรในประเทศไทยมีมากขึ้นอย่างรวดเร็ว     เป็นเหตุให้มีการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่า เพื่อเปลี่ยนสภาพเป็นไร่นาและเพื่อการเพาะปลูก ประกอบกับความเจริญเติบโตทางด้านวัตถุและเทคโนโลยีก็ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น   เป็นผลให้มีการ
ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น เช่น การตัดไม้ทำลายป่า จากการที่อุทยานแแห่งชาติแต่ละแห่งล้วนมีความงามและความพิเศษแตกต่างกันไปอีกทั้งในอุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งได้จัดให้มีกิจกกรมเพื่อตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของนักท่องเที่ยว เพื่อใช้เป็นสื่อชักนำให้เกิดการเรียนรู้ และสร้างความเข้าใจในการรักษาทรัพยากรและความงามตามธรรมชาติ ให้คงอยู่ตลอดไป

การอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญต่อวิถีชีวิต

ป่าชายเลน เป็นทรัพยากรที่สำคัญและให้ประโยชน์

ทั้งในด้านป่าไม้ ประมง และรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันป่าชายเลนได้ถูกทำลายลงด้วยกิจกรรมต่างๆอยู่เป็นประจำ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องหาแนวทางในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าชายเลนให้ได้ผลเต็มที่ตลอดไป และในขณะเดียวกันก็ไม่เป็นการทำลายระบบนิเวศด้วย การเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนโดยการปลูกป่า ปัจจุบันกรมป่าไม้มีนโยบายที่จะขยายและสนับสนุนการปลูกป่าชายเลนเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของราชการและส่วนของเอกชนตามพื้นที่ว่างเปล่าบริเวณชายฝั่งทะเล ทั้งที่ผ่านการทำเหมืองแร่ หรือพื้นที่นากุ้ง หรือนาข้าวที่เลิกไปแล้ว ซึ่งมีอยู่มากมายและมีโอกาสที่จะฟื้นฟูให้เป็นป่าชายเลนขึ้นมาได้

ป่าชายเลนเป็นป่าไม้ไม่ผลัดใบ

เป็นป่าที่อยู่ในดินเป็นดินเลนริมทะเลตามบริเวณปากแม่น้ำต่างๆ ซึ่งมีน้ำเค็มท่วมถึง กลุ่มพืชในบริเวณป่าชายเลนมีลักษณะแตกต่างจากพืชบกมาก คือ มีรากค้ำยัน และรากหายใจ ป่าชายเลนให้ประโยชน์ต่อมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม กล่าวคือเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต ทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัย เป็นแหล่งอาหารของมนุษย์ ช่วยป้องกันการพังทลายของดินบริเวณชายฝั่งทะเล เป็นแนวป้องกันคลื่นลมตามธรรมชาติ เป็นแหล่งดักและกรองสารพิษ แหล่งเลี้ยงดูตัวอ่อนตามธรรมชาติ มนุษย์ใช้ประโยชน์จากป่าชายเลนในแง่ที่เป็นแหล่งอาหาร แหล่งเศรษฐกิจที่ได้จากทรัพยากรพืชและสัตว์ในป่าชายเลน

ป่าชายเลน

เป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญต่อวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านทั้งในด้านการประกอบอาชีพ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ เช่น ก้ง หอย ปู ปลา และเป็นที่กันคลื่นลมให้กับหมู่บ้านบริเวณชายฝั่งและพื้นที่ฝั่งอันดามันด้วย ป่าชายเลนเป็นกำแพงกั้นน้ำให้กับชาวประมงบริเวณชายฝั่งหลายหมู่บ้าน ประโยชน์ที่ชาวบ้านได้จากการอนุรักษ์ป่าชายเลนมีทั้งทางตรงทางอ้อม ทางตรงทรัพยากรป่าชายเลนที่เพิ่มขึ้นทำให้มีต้นไม้หลากหลายชนิด ได้แก่ ต้นตะบูนขาว ตะบูนดำ ต้นกาหยีทะเล ต้นโกงกางใบเล็ก ต้นโกงกางใบใหญ่ ต้นแสม ต้นจาก ต้นเหงือกปลาหมอ ต้นกำแพงเจ็ดชั้น และต้นไม้เหล่านี้ยังเป็นที่กันคลื่นลมให้ชุมชนได้อีกด้วย

ประโยชน์ทางอ้อมนั้นชาวบ้านสามารถนำพืชพันธุ์ต่างๆมาเป็นยาสมุนไพร เช่น ต้นตะบูนขาวเอาเปลือกมาต้มกินรักษาโรคเบาหวาน ต้นเหงือกปลาหมอเอาใบมาขยี้ทาเป็นยารักษาฝี ต้นโกงกางเอาใบหรือเปลือกมาต้มทำสีมัดย้อมผ้า ใบของต้นจากใช้มุงหลังคา ยอดจากทำยาสูบ ลูกจากทำขนมหวาน และน้ำตาวจาก และต้นปอทะเลเอาเปลือกมาทำเชือกได้อีกด้วย ป่าชายเลนเป็นเหมือนตลาดให้กับชาวประมง การอนุรักษ์ป่าชายเลนนั้นไม่ได้แค่ป่า แต่ให้อะไรมากกว่าที่คิด ควรที่จะอนุรักษ์ไว้คู่กับชีวิตของชาวประมงพื้นบ้าน คนต้องพึ่งพาป่าและป่าต้องพึ่งพาคน ต่างพึ่งพาอาศัยกัน ถ้าขาดป่าชายเลนชาวประมงก็ขาดแหล่งทรัพยากรและถ้าขาดการอนุรักษ์ ป่าชายเลนก็คงจะหมดไป

ความอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติยาซูนี

อุทยานแห่งชาติยาซูนี ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดนาโปและปาสตาซา มีพื้นที่ประมาณ 9,820 ตร./กม. ห่างจากกรุงกิโตราว 250 กม. และอยู่ในโครงการมนุษย์และชีวมณฑลขององค์การยูเนสโก ตั้งแต่ปี 1989 ทั้งยังเป็นถิ่นอาศัยของชนเผ่าจำนวนมาก อาทิ ทากาเอรี และทาโรเมนาเน

อุทยานแห่งชาติยาซูนิ ซึ่งเป็นที่อยู่ของชนเผ่าอินเดียนเร่ร่อนหลายเผ่า มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และมีความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นเขตสงวนชีวมณฑลโลกเมื่อปี 2532 นอกจากนี้เชื่อกันว่า บ่อน้ำมัน 3 แห่งในอุทยานแห่งนี้ มีน้ำมันสำรองราว 920 ล้านบาร์เรล

ป่าแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์หลากชนิดมากที่สุดในแถบซีกโลกตะวันตก และมีสัตว์จำพวกครึ่งบกครึ่งน้ำอาศัยมากชนิดกว่าที่พบในสหรัฐฯและแคนาดารวมกัน โดยมีชนิดสัตว์เลื้อยคลานอาศัยอยู่ที่มากถึง 121 ชนิด

Yasuní ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) เพื่อให้เงินสนับสนุนแก่เอกวาดอร์เป็นเวลา 12 ปี มูลค่าราว 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่ากับผลประโยชน์ราวร้อยละ 50 ที่บริษัทน้ำมันจะตอบแทนต่อรัฐบบาลจากการแสวงหาประโยชน์จากน้ำมัน เพื่อแลกกับการไม่ขุดน้ำมันในอุทยาน ซึ่งคาดว่ามีประมาณน้ำมันดิบสำรองใต้ดินราว 838 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของประมาณน้ำมันสำรองทั่วประเทศ

แต่ในการแถลงข่าวทางโทรทัศน์ นายกอร์เรียกล่าวว่า โครงการดังกล่าวสามารถระดมทุนได้เพียง 13.3 ล้านดอลลาร์เท่านั้น หรือคิดเป็นร้อยละ 0.37 ของจำนวนที่ต้องการ และประเทศที่เกี่ยวข้องไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร รวมถึงโครงการนี้เกิดในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปี และว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นครั้งที่ยากที่สุดตั้งแต่เขารับตำแหน่งมา